วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แนวทางการเลี้ยงลูกให้ เก่ง ดีและมีความสุข ในยุคสังคมเปลี่ยน

       
           ต้องยอมรับว่าโลกเราทุกวันนี้ มีความซับซ้อนมากขึ้น เด็กๆ เติบโตมากับครอบครัวชุมชน และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มีโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อโรคอุบัติใหม่มากมาย การสื่อสารไร้พรหมแดน เด็กดำเนินชีวิตในยุคไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้พ่อแม่กังวลและเป็นห่วงในการปรับตัวและใช้ชีวิตประจำวันของลูก ยิ่งไปกว่านั้นหลายครอบครัวที่พ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ทำให้พ่อ แม่ต้องจัดสรรเวลาและเร่งรีบในกิจกรรมประจำวัน บางครอบครัวอาจจะฝากไว้กับคนอื่นหรือสถานรับเลี้ยงเด็กทั่วไป การรีบเร่งเดินทางผ่านการจราจรที่ติดขัด จากสภาพปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้พ่อ แม่ไม่สามารถจัดสรรเวลาที่ได้อยู่กับลูกแบบครอบครัวได้อย่างเต็มที่
           การเป็นพ่อ แม่ในยุคปัจจุบันนี้  หลายท่านอาจเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันว่าในตอนนี้ เราไม่อาจเลี้ยงลูกในแบบเดียวกับที่เคยถูกพ่อแม่เลี้ยงเรามาเมื่อ สิบหรือยี่สิบปีก่อนอีกแล้ว ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนไปนี้ สังคมแห่งการแข่งขัน พ่อ แม่ทุกคนอยากเห็นลูกเป็นเด็กเก่ง ดี และมีความสุข 
  • ในด้านความเก่ง การที่เด็กคนหนึ่งคนใดจะมีระดับสติปัญญาดี เฉลียวฉลาด มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ที่สำคัญคือ พันธุกรรมและสภาพแวดล้อมที่ดีนั่นเอง  คำกล่าวที่ว่า พ่อ แม่ เก่ง ลูกก็เก่ง นั่นคือผลจากพันธุกรรม แต่ก็มีเด็กบางคนที่พ่อแม่เก่งแต่เด็กไม่เก่ง อันนั้นต้องพิจารณาจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเด็กด้วย 
  • ในด้านความดี ทุกคนอยากเห็นลูกเป็นคนดี แต่การจะดีหรือไม่ได้ มีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเด็กด้วย
  • มีความสุข เราอยากเห็นลูกๆ มีความสุขในทุกๆ ย่างก้าวของเขาใช่ไหมคะ ความสุขของลูกก็เป็นความสุขของพ่อ แม่ด้วย                                                                                                                            ในบทความนี้ เสนอแนะกลวิธีในการเลี้ยงดูลูกๆ ให้ เก่ง ดี และมีความสุขได้ด้วยมือของผู้เป็นพ่อและแม่กันนะคะ

1. ครอบครัว ให้ความรัก ความอบอุ่นอย่างเพียงพอและเหมาะสม  เป็นข้อแรกและสำคัญที่สุดเพราะความรักจากครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กและละเอียดอ่อนที่สุดที่ลูกสัมผัสได้ ที่สำคัญพ่อ แม่ต้องแสดงออกถึงความรักอย่างเหมาะสม ไม่รักลูกด้วยวัตถุเกินความจำเป็น 
2. การเป็นผู้ฟังที่ดี 
3. สร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง เด็กที่มีความภาคภูมิใจในตนเอง มักมาจากครอบครัวที่อบอุ่น พ่อ แม่ความใช้แรงบวกในกับลูก เช่น เมื่อทำดี ควรชื่นชมอย่างจริงใจ หรือมีรางวัลให้ เมื่อพลาดพลั้งสิ่งใด ควรกำลังใจและชี้แนะแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
4. ให้โอกาสในการตัดสินใจ ขอบอกว่าการให้โอกาสไม่เหมือนกับการสั่งการ พ่อแม่หลายคนมักติดกับการออกคำสั่ง ให้ทำ หรือหลอกล่อว่า ควรทำ ซึ่งมองเหมือนความหวังดีแต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นการปิดกั้นอิสรภาพทางความคิด การจินตนาการของลูก พ่อแม่ควรอณุญาตให้ลูกได้คิด ตัดสินใจด้วยตนเองในเรื่องง่ายๆ บ้างเพื่อส่งเสริมความมั่นใจในตนเองอีกทางหนึ่ง
5. เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก พฤติกรรมของพ่อ แม่จะถ่ายทอดไปสู่ลูกๆ ทุกวันโดยการใช้ประสาทสัมผัสและเป็นไปโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง เด็กบางคนจะเห็นว่ารักการอ่านหนังสือ นั่นอาจเป็นเพราะว่า พ่อ แม่ชอบอ่าน สะสมหนังสือ หรือการอ่าน/เล่านิทานให้ลูกฟังเป็นประจำ เข้าร้านหนังสือบ่อยๆ ทั้งนี้เด็กมักเลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อ แม่ เป็นส่วนใหญ่ 
6. สอนลูกให้รู้จักผ่อนคลายและรักตนเอง สอนให้ลูกเข้าใจว่าการทำดีย่อมส่งผลดีทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น การทำในสิ่งที่ดีหมายถึงการรักตนเองด้วย แต่หากไม่สมหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พ่อ แม่ควรแนะนำวิธีการผ่อนคลายความเครียด และสอนให้มองโลกในแง่บวกเสมอ

      จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีความสุขนั้น ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์กันเลยทีเดียวโดยเฉพาะกับการเลี้ยงลูกในยุคไซเบอร์นี้ คุณพ่อ คุณแม่ ควรส่งเสริมให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง การเข้าเรียนตามวัย การปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความรับผิดชอบ คงไม่ใช่ว่า ต้องสอบได้ที่หนึ่งเท่านั้นจึงประสบสำเร็จได้ ดังคำกล่าวที่ว่า เด็กยุคใหม่ แค่อัจฉริยะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่ยุคใหม่ทุกคนนะคะ



1 ความคิดเห็น:

  1. การเลี้ยงลูกมีทั้งศาสตร์และศิลป์ ควรส่งเสริมพัฒนาการเด็กๆให้เหมาะสมตามวัยนะคะ

    ตอบลบ